การลงทุนหลักแสนได้กำไรไม่ถึงหมื่น

กรณีตัวอย่าง
กรณีที่ 1 ลงทุนหลักแสนได้กำไรไม่ถึงหมื่น
รายนี้เป็นชายผู้ที่ลงทุนร้านเช่าวีดีโอรายหนึ่ง อายุ 37 ปี ที่ตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์เพราะเห็นว่า แฟรนไชส์เป็นระบบที่ทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีอาชีพใดมาก่อน ปัจจุบันได้ดำเนินกิจการมาได้ 2-3 ปีแล้ว และมีร้านเพียงแห่งเดียว เขาลงทุนในระดับ 5 แสน-1 ล้านบาท โดยจ่ายค่าแฟรนไชส์
ไปประมาณ 300,000 บาท โดยมีกำไรต่อเดือนต่ำกว่า 1 หมื่นบาท แต่เขาก็มีความพึงพอใจในการลงทุนครั้งนี้ และพอใจในการดูแลของบริษัทแม่ แต่ก็ยังมองว่าค่าแฟรนไชส์ที่จ่ายไปนั้นแพงไปหน่อย และให้ความเห็นว่าแฟรนไชส์เป็นระบบที่ดี สร้างความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ และถ้าให้ลงทุนใหม่จะทำอีก ถึงแม้ว่าจะลงทุนเยอะ แต่ก็คิดว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะร้านมีชื่อเป็นที่รู้จัก

กรณีที่ 2 ลงทุนหลักล้าน กำไร 3-6 หมื่นต่อ
เป็นร้านวีดีโออีก 1 ราย เป็นผู้หญิงอายุ 39 ปี ซื้อแฟรนไชส์ด้วยการลงทุนที่ 3-6 ล้านบาท สาเหตุที่ลงทุนเพราะมีสถานที่อยู่แล้ว ประกอบกับเห็นว่าเป็นระบบที่ง่าย สะดวกในการเริ่มต้น ธุรกิจของเธอเปิดไปแล้ว 2-3 ปี ในแต่ละเดือน ร้านได้กำไรประมาณ 3-4 หมื่นบาท และคาดว่าจะคืนทุนได้ในเวลา 5-6 ปี ส่วนค่าแฟรนไชส์ฟีจ่ายที่ประมาณ 200,000 บาท อย่างไรก็ตามเธอคิดว่ายังไม่คุ้มค่านัก แต่ก็ยังพอใจในการสนับสนุนในด้านการวางแผนงานให้ของบริษัทแม่ เธอเห็นว่าแฟรนไชส์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือ มีระบบอยู่แล้ว แต่ข้อเสีย ก็คือลงทุนสูง แต่ถ้าให้ลงทุนใหม่เธอยังไม่ได้คิดว่าจะทำอีก

รายที่ 3 ธุรกิจอาหาร ทำมา 5 ปีแล้ว
เธอเป็นผู้หญิง อายุ 42 ปีแล้ว ทำธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารและกาแฟ แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจทำธุรกิจนี้เธอเป็นเจ้าของกิจการ โดยปัจจุบันก็ยังมีธุรกิจอื่นทำอีก คือเป็นโรงงานทอผ้า สาเหตุที่เธอเลือกทำธุรกิจนี้ เธอให้เหตุผลเดียวชัดๆ คือ ต้องการลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ การลงทุนกิจการนี้อยู่ที่ระดับ 3-6 ล้านบาท และพอใจในการลงทุน โดยมีผลกำไรต่อเดือนมากกว่า 120,000 บาทขึ้นไป และที่ลงทุนมานั้นคุ้มทุนแล้วในเวลา 3 ปี ส่วนค่าแฟรนไชฟี ที่จ่ายไปนั้น คือ 1 ล้านบาท และเธอคิดว่าคุ้มค่า เนื่องจาก เห็นว่าทางบริษัทแม่มีระบบการจัดการที่ดี และมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีการโฆษณาช่วยให้ธุรกิจดีขึ้น เธอบอกว่าแฟรนไชส์เป็นระบบที่ดี เพราะบริษัทเม่มีความชำนาญงาน ช่วยเซ็ทระบบงานให้รวมทั้งให้คำแนะนำต่างๆ ทำให้การบริหารงานง่าย และถ้าให้ลงทุนใหม่ เธอจะซื้อแฟรนไชส์อีกอย่างแน่นอน เพราะคิดว่า การเริ่มทำธุรกิจใหม่นั้นเป็นเรื่องยาก และเสี่ยงในการลงทุน แต่ก็คิดว่าการทำแฟรนไชส์ก็ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จทุกราย โดยเฉพาะถ้าลงทุนสูงก็ต้องพิจารณาในละเอียดเป็นพิเศษ

รายที่ 4 ลงทุนต่ำ เพียง 25,000 บาท
รายนี้เป็นผู้หญิง เคยเป็นแม่บ้านมาก่อน อายุ 29 ปี ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี เธอซื้อก๋วยเตี๋ยวหมูรถเข็นมาทำด้วยเงินลงทุนที่ 25,000 บาท โดยมีผลกำไรต่อเดือนในระดับ 10,000-30,000 บาทต่อเดือน ทำให้การลงทุนครั้งนี้คุ้มทุนด้วยระยะเวลาเพียง 2-3 เดือน เธอบอกว่าทำแบบนี้ดีกว่าทำงานประจำได้เงินดีกว่า และพอใจในการลงทุน เพราะบริษัทแม่ให้ผ่อนชำระค่าลงทุนได้ด้วย คิดว่าแฟรนไชส์เป็นระบบที่ดี เพราะได้สูตรก๋วยเตี๋ยวและชื่อร้านมีคนรู้จัก และถ้าจะลงทุนใหม่ ก็จะซื้อแฟรนไชส์อีกเพราะเห็นว่า จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และการบริหารกิจการเองดีกว่าการทำงานบริษัท

กรณีที่ 5 ไม่แฮปปี้
รายนี้ลงทุนทำธุรกิจความงาม เป็นผู้หญิงอายุ 38 ปี มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี ก่อนมาทำธุรกิจนี้ เธอเคยทำงานบริษัทมาก่อน และกิจการของเธอดำเนินงานมาได้ 3-4 ปีแล้ว นอกจากกิจการแฟรนไชส์ศูนย์ความงามแล้ว เธอยังมีกิจการอีกอย่างหนึ่งคือร้านขายเสื้อผ้า เธอไม่พอใจในการลงทุนทำธุรกิจแฟรนไชส์นี้นัก เนื่องจากลงทุนไปสูงมากมากกว่า 9 ล้านบาทขึ้นไป แต่กิจการของเธอมีกำไรต่อเดือน ประมาณ 1 หมื่น-3 หมื่นบาท ทำให้ก็คงจะคุ้มทุนได้ยาก เพราะเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งเยอะมาก และค่าเช่าสูง ประกอบกับแฟรนไชส์มีสาขาเยอะมาก ทำให้ร้านอยู่ใกล้กันเกินไป ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ที่เธอจ่ายไป คือ 3 แสนบาท ซึ่งเธอคิดว่าไม่คุ้มค่า เนื่องจาก บริษัทแม่ไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามเธอยังมองว่าแฟรนไชส์เป็นระบบที่ดี เพราะทำให้คนที่ไม่มีความรู้ ความชำนาญ สามารถทำธุรกิจได้เลย ไม่ต้องผ่านการลองผิดลองถูกให้เสียเวลา และถ้าให้เธอลงทุนใหม่ก็ยังคงเลือกทำธุรกิจแฟรนไชส์ เพราะต้องการธุรกิจที่เริ่มได้เลยทันที ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเอง แต่ต้องศึกษาและเลือด แฟรนไชส์ที่ดี เพราะถ้าเลือกไม่ดี จะทำให้เสียทั้งเงินและเวลา

กรณีที่ 6 ทำร้านขายยาต่างจังหวัด
เธออายุ 33 ก่อนที่จะมาทำกิจการส่วนตัว เคยทำงานราชการมาก่อน ที่ตัดสินใจเปิดกิจการร้านขายยา เพราะมีสถานที่อยู่แล้ว จึงเปิดดำเนินการขึ้นมา และทำมาแล้ว 2-3 ปี การลงทุนใช้เงินประมาณ 1-3 ล้านบาท แต่เธอยังไม่คุ้มทุน เพราะลงทุนสูงเกินไป โดยมีกำไรต่อเดือนที่ระดับต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ส่วนค่าแฟรนไชส์แรกเข้า จ่ายไปที่ 500,000 บาท แต่เธอก็ยังมีความพึงพอใจในการลงทุนครั้งนี้ เพราะเห็นว่าบริษัทแม่ให้ความช่วยเหลือดี และมองว่าดีที่มีเครือข่าย แต่ถ้าจะให้ลงทุนใหม่ก็ไม่ทำอีก โดยมีเหตุผลส่วนตัวว่าไม่มีบุคลากรในครอบครัวช่วยทำ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น